หมายเหตุ

Blogger นี้ จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอนในรายวิชา อินเตอร์เน็ตและการสื่อสารในชีวิตประจำวัน หากผู้จัดทำได้ล่วงล้ำกระทำละเมิดลิขสิทธิ์ประการใด ก็ขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยค่ะ

วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

อาหารพื้นบ้าน ต้มข่าไก่



อาหารสุดโปรดของเราเอง เราอยากแนะนำให้เพื่อนลองทำรับประทานกันเองที่บ้านดู แล้วจะติดใจไม่ลืมเลยล่ะ เพราะเราชอบทำใหเที่บ้านทานอยู่บ่อยๆ วันนี้เราก็ทำนะ ขั้นตอนง่ายๆไม่ยุ่งยากอะไร จึงอยากให้เพื่อนๆมาลองกันเยอะๆนะคะ(มื้อเที่ยงวันนี้เราก็ยังทำเลยล่ะ แม้ว่ากลิ่นจะคลุ้งทั้วห้องพักก็ตาม อิอิ)

ต้มข่าไก่ เป็นสูตรอาหารของไทย มีรสจัดเล็กน้อย มีสีขาววข้นของน้ำกระทิ รสชาติออกเปรี้ยว เค็ม หวาน และมัน มีกลิ่นหอมขอองสมุนไพร เช่น ตะไคร้ ใบมะกรูด มะนาว

ส่วนผสมเครื่องปรุงต้มข่าไก่

  • เนื้ออกไก่ 3 ชิ้น (หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ)
  • กะทิ 2 ถ้วยตวง
  • น้ำซุปไก่ 1 ถ้วยตวง
  • ข่าขนาดกลาง 2-3 ชิ้น (ปอกเปลือกและหั่นบางๆ)
  • พริกขี้หนูซอยละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาล 1 ช้อนชา
  • ใบผักชี 1/2 ถ้วยตวง (สำหรับแต่งหน้า)
  • ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มะนาว
  • มะเขือเทศเพิ่มความสวยงาม ^^

วิธีทำต้มข่าไก่

  1. ใส่กะทิและน้ำซุปไก่ลงในหม้อและนำไปตั้งไฟร้อนปานกลาง
  2. หั่นตะไร้ ข่า และเครื่องเทศสมุนไพรลงไปเพิ่มความหอม
  3. ต้มประมาณ 2-3 นาที และคนเป็นครั้งคราว
  4. ใส่เนื้อไก่และพริกลงไปในหม้อ ต้มต่อไปอีกประมาณ 6 นาที คนต่อไปจนเนื้อไก่สุกดี จึงใส่มะเขือเทศเพิ่มความสวยงาม
  5. ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาล จากนั้นใส่ผักชีแล้วจึงเสิรฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ
                                         ลองมาทำกันดูนะ แล้วจะติดใจ

ลมพิษฤทธิ์ไม่เบา (Modern Mom)

แม้จะฤทธิ์เดชจะร้ายสักแค่ไหน ถ้ารู้วิธีก็จัดการได้

เรา พบว่าคนไทยมีอาการของลมพิษมากถึง 20 เปอร์เซ็นต์ นั่นหมายถึงคนไทย 100 คนมี 20 คนที่เคยเป็นลมพิษอย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต ชนิดไม่จำกัดเพศและวัย

ลมพิษ...ฤทธิ์มาจากไหน

        ลมพิษเกิดจากการที่ของเหลวซึ่งอยู่ในหลอดเลือดรั่วไหลออกมาอยู่ในผิวหนัง ทำให้เห็นเป็นตุ่มหรือปื้นนูนบวมแดงขนาดเล็กใหญ่ต่าง ๆ กัน ผิวหนังส่วนนั้นจะเหมือนเปลือกผิวส้ม หรือเป็นไปได้กระทั่งเปลือกตาบวมจนเปิดไม่ได้ ริมฝีปากบวม มีอาการคันมาก แต่ผื่นเหล่านี้จะหายภายใน 24 ชั่วโมง โดยไม่เหลือร่องรอยเลยถึงแม้จะไม่ได้รับการรักษา และก็จะมีผื่นใหม่ขึ้นมาอีก บางครั้งขณะที่มาพบแพทย์ ผื่นอาจหายไปหมดแล้วก็ได้ (เป็นโรคกลัวหมอว่างั้นเถอะ!) แต่หมอก็สามารถวินิจฉัยได้ เนื่องจากลักษณะนี้ไม่พบในโรคผิวหนังชนิดอื่น

ที่มาที่ไปของลมพิษ

       สาเหตุที่ทำให้เกิดลมพิษมีหลายอย่าง แต่ไม่ว่าสาเหตุใดก็ตามผื่นจะมีลักษณะเหมือนกันหมด จึงยากที่จะหาสาเหตุของลมพิษ ยกเว้นกรณีเดียว คือลมพิษที่เกิดเมื่ออุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น เช่น หลังการออกกำลังกาย ผื่นจะเป็นเม็ดเล็ก ๆ ไม่เกิน 4 มิลลิเมตร ไม่เป็นปื้นใหญ่ หายเร็วกว่าผื่นจากสาเหตุอื่น คือไม่ถึง 1 ชั่วโมงก็หาย
สาเหตุ ของลมพิษที่พบบ่อยคือยาและอาหาร โดยเฉพาะอาหารทะเล มักเป็นหลังรับประทานไม่กี่ชั่วโมง ถึงแม้จะเคยรับประทานมาหลายครั้งแล้ว โดยไม่เกิดลมพิษก็ตาม แต่บางครั้งอาจเจอแจ๊กพอตเข้าให้ได้

       ยาทุกชนิดทำให้เกิดลมพิษได้ทั้งนั้น แต่ที่พบบ่อยคือยาปฏิชีวนะ การเป็นหวัด ฟันผุ หรือมีพยาธิในลำไส้ ก็ทำให้เกิดผื่นลมพิษได้ บาง คนก็มีผื่นตามรอยเกา และรอยขีดข่วนบนผิวหนัง บางครั้งผื่นจะขึ้นตามรอยกดทับ เช่น ขอบกางเกง ขอบเสื้อ การนั่งนาน ๆ ก็เกิดผื่นที่ก้น เดินมากก็เกิดผื่นที่ฝ่าเท้า หรือสิ่งที่เรานึกไม่ถึงก็เป็นสาเหตุได้ เช่น น้ำแข็งก็ทำให้เกิดลมพิษได้ บางคนโดนแสงแดดก็เกิดผื่นคัน สูดดมฝุ่นบ้าน หรือเกสรดอกไม้ครั้งใดก็เกิดผื่นคันทุกที จะเห็นว่าสาเหตุมันมีมากมาย แต่ผื่นลักษณะเหมือนกันหมด และที่น่าหนักใจยิ่งขึ้น คือบางคนอาจมีสาเหตุมากกว่า 1 อย่างก็ได้

       ในรายที่เพิ่งเป็นลมพิษ สาเหตุมักมาจากอาหารและยา ผู้ป่วยมักจะทราบต้นเหตุ เนื่องจากลมพิษมักเกิดหลังรับประทานไม่กี่ชั่วโมง แต่ในรายที่เป็น ๆ หาย ๆ มานาน มักหาสาเหตุได้ยาก ควรต้องปรึกษาแพทย์ เพื่อจะได้ตรวจร่างกายหาสิ่งผิดปกติ ส่วนการตรวจเลือดหรือตรวจพิเศษอย่างอื่นก็ขึ้นกับผู้ป่วยแต่ละราย
และไม่มีการตรวจใดที่จำเพาะบอกได้ว่า ลมพิษเกิดจากสาเหตุใด การทำ Skin Test ก็เชื่อถือไม่ได้ครับ เพราะถึงผลตรวจว่าแพ้ แต่เวลาเราได้รับสารนั้นจริง ๆ อาจไม่เกิดลมพิษเลย หรือในทำนองกลับกัน แม้เกิดลมพิษทุกครั้งที่ได้รับสารนั้น แต่ผลตรวจว่าไม่แพ้ก็อาจเป็นได้
การทำสมุดบันทึกว่าผื่นขึ้นในช่วงใดของวัน ระหว่างการทำกิจกรรมใด หรือภายหลังการรับประทานอาหารหรือยาชนิดใด ก็จะช่วยค้นหาสาเหตุของลมพิษได้ครับ
        
รุนแรงแค่ไหนนะ

ความรุนแรงของลมพิษ ก็แตกต่างกันไปในแต่ละคน บางคนอาจมีแค่ผื่นคันที่ผิวหนัง แต่อีกคนอาจมีปวดท้อง ท้องเสียร่วมด้วย แต่ที่รุนแรงอันตรายคือ เริ่มมีเสียงแหบ หายใจลำบาก อาการแบบนี้อันตรายมากถ้ารักษาไม่ทัน
         
หลบฤทธิ์ลมพิษ

การรักษาลมพิษที่ดีที่สุดคือหลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้เกิดลมพิษ เช่น ถ้าแพ้อาหารทะเล ก็ไม่ควรรับประทานอีก แต่ถ้ามีลมพิษเกิดขึ้นแล้ว ก็คงต้องพึ่งยาแก้แพ้ ซึ่งมีอยู่หลายชนิด บางชนิดทานแล้วง่วง บางชนิดก็ไม่เกิดอาการง่วง แต่ราคาแพงกว่ามาก บางครั้งใช้ยาแก้แพ้ตัวหนึ่งไม่ได้ผลอาจต้องเปลี่ยนไปใช้ยาแก้แพ้อีกตัวจึง จะได้ผล หรืออาจต้องใช้ยาแก้แพ้ 2 ชนิดขึ้นไปร่วมกันในการรักษาจึงจะได้ผล

นอกจากยาแก้แพ้แล้ว ยารักษาโรคกระเพาะพวก H2 antagonist เช่น cimetidine เมื่อใช้ร่วมกับยาแก้แพ้แล้วจะเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาลมพิษ ส่วนยาทาที่ผสม menthol, phenol หรือ camphor ก็จะทำให้เย็นผิวสบายตัว ลดอาการคันได้ รายที่เป็นลมพิษเรื้อรังอาจต้องรับประทานยาติดต่อกันเป็นเวลานาน ก็อย่าเพิ่งท้อแท้ใจนะครับ
 
การรักษา
 ผื่นลมพิษ แก้ได้ง่ายนิดเดียว (Woman's Story)

โรค ลมพิษ เป็นโรคที่เกิดจากภูมิแพ้ ผู้ป่วยมักจะมีอาการแพ้สิ่งใดสิ่งหนึ่ง แล้วทำให้เกิดผื่นขึ้นตามผิวหนัง ถ้าหากรุนแรงอาจถึงขั้นช็อกหมดสติได้ ซึ่งวิธีการรักษาก็ไม่ยากอย่างที่คิด เพียงแค่มีมะนาวสักลูกก็ช่วยได้แล้วค่ะ

เพียงแค่คุณใช้มะนาวฝานบาง ๆ ตบเบา ๆ ไปตามบริเวณที่เป็นผื่น หรือบีบมะนาวผสมน้ำ จากนั้นใช้ผ้าขนหนูชุบแล้วนำไปประคบตามบริเวณที่เป็นลมพิษ ก็จะสามารถบรรเทาอาการผื่นคันเนื่องมาจากลมพิษได้ค่ะ

อีก วิธีหนึ่งในการรักษาคือ นำหัวผักกาดขาวฝน ห่อด้วยผ้าบาง ๆ ประคบตามผื่น หรือถ้าง่ายกว่านั้น ก็ใช้น้ำผึ้งเจือจางทาไปตามบริเวณที่เป็นลมพิษ ก็เป็นอันเรียบร้อยค่ะ

          เราเองก็เคยเป็นอยู่บ่อยๆแต่ตอนนี้ก็เริ่มหายไปนานแล้วตั้งแต่รู้จักวิธีดูแลตัวเองและสาเหตุของลมพิษ เราก็เริ่มรู้จักวิธีป้องกัน ดูแลสุขภาพมากขึ้น ยังไงใครที่เป็นลมพิศอยู่ก็ลองทำตามวิธีนี้ดูนะคะ

ความสุขที่ถูกมองข้าม

         เราอ่านมาจากหนังสือเล่มหนึ่ง แล้วเห็นว่ามันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับตัวเราเองและเป็นเรื่องจริงที่มักเกิดขึ้นกับทุกคนจึงอย่างนำมาฝากเพื่อนให้อ่านข้อคิดดีๆดังกล่าวนี้ด้วย เพราะเราเองก็เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ชอบมองความสุขจากวัตถุรอบกลาย แต่สุดท้ายก็ได้รู้ว่าเรามองข้ามความสุขที่แท้จิงไป แท้จริงแล้วความสุขของเราที่เราอยากได้นั้นขึ้นอยู่กับใจบองเราที่อยากอยู่แบบพอเพียงพอดีมากกว่า และอยากมีความสุขสงบด้านจิตใจมากกว่าวุตถุรอบด้าน ยังไงก็ลองอ่านกันเยอะๆนะคะ

ความสุขที่ถูกมองข้าม

       คุณเป็นคนหนึ่งหรือไม่ที่เชื่อว่า ยิ่งมีเงินทองมากเท่าไร ก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น ความเชื่อดังกล่าวดูเผิน ๆ ก็น่าจะถูกต้องโดยไม่ต้องเสียเวลาพิสูจน์ แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ประเทศไทยน่าจะมีคนป่วยด้วยโรคจิตน้อยลง มิใช่เพิ่มมากขึ้น ทั้ง ๆ ที่รายได้ของคนไทยสูงขึ้นทุกปี ในทำนองเดียวกันผู้จัดการก็น่าจะมีความสุขมากกว่าพนักงานระดับล ่าง ๆ เนื่องจากมีเงินเดือนมากกว่า แต่ความจริงก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป
         ไม่นานมานี้มหาเศรษฐีคนหนึ่งของไทยได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ว ่า เขารู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิต เขาพูดถึงตัวเองว่า "ชีวิต(ของผม)เริ่มหมดค่าทางธุรกิจ" ลึกลงไปกว่านั้นเขายังรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความหมาย เขาเคยพูดว่า"ผมจะมีความหมายอะไร ก็เป็นแค่....มหาเศรษฐีหมื่นล้านคนหนึ่ง" เมื่อเงินหมื่นล้านไม่ทำให้มีความสุข เขาจึงอยู่เฉยไม่ได้ ในที่สุดวิ่งเต้นจนได้เป็นรัฐมนตรี ขณะที่เศรษฐีหมื่นล้านคนอื่น ๆ ยังคงมุ่งหน้าหาเงินต่อไป ด้วยความหวังว่าถ้าเป็นเศรษฐีแสนล้านจะมีความสุขมากกว่านี้ คำถามก็คือ เขาจะมีความสุขเพิ่มขึ้นจริงหรือ ?

           คำถามข้างต้นคงมีประโยชน์ไม่มากนักสำหรับคนทั่วไป เพราะชาตินี้คงไม่มีวาสนาแม้แต่จะเป็นเศรษฐีร้อยล้านด้วยซ้ำ แต่อย่างน้อยก็คงตอบคำถามที่อยู่ในใจของคนจำนวนไม่น้อยได้บ้างว ่า ทำไมอัครมหาเศรษฐีทั้งหลาย รวมทั้งบิล เกตส์ จึงไม่หยุดหาเงินเสียที ทั้ง ๆ ที่มีสมบัติมหาศาล ขนาดนั่งกินนอนกินไป ๗ ชาติก็ยังไม่หมด
แต่ถ้าเราอยากจะค้นพบคำตอบให้มากกว่านี้ ก็น่าจะย้อนถามตัวเองด้วยว่า ทำไมถึงไม่หยุดซื้อแผ่นซีดีเสียทีทั้ง ๆ ที่มีอยู่แล้วนับหมื่นแผ่น ทำไมถึงไม่หยุดซื้อเสื้อผ้าเสียทีทั้ง ๆ ที่มีอยู่แล้วเกือบพันตัว ทำไมถึงไม่หยุดซื้อรองเท้าเสียทีทั้ง ๆ ที่มีอยู่แล้วนับร้อยคู่
แผ่นซีดีที่มีอยู่มากมายนั้น บางคนฟังทั้งชาติก็ยังไม่หมด ในทำนองเดียวกัน เสื้อผ้า หรือรองเท้า ที่มีอยู่มากมายนั้น บางคนก็เอามาใส่ไม่ครบทุกตัวหรือทุกคู่ด้วยซ้ำ มีหลายตัวหลายคู่ที่ซื้อมาโดยไม่ได้ใช้เลย แต่ทำไมเราถึงยังอยากจะได้อีกไม่หยุดหย่อน

ใช่หรือไม่ว่า สิ่งที่เรามีอยู่แล้วในมือนั้นไม่ทำให้เรามีความสุขได้มากกว่าส ิ่งที่ได้มาใหม่ มีเสื้อผ้าอยู่แล้วนับร้อยก็ไม่ทำให้จิตใจเบ่งบานได้เท่ากับเสื ้อ ๑ ตัวที่ได้มาใหม่ มีซีดีอยู่แล้วนับพันก็ไม่ทำให้รู้สึกตื่นเต้นได้เท่ากับซีดี ๑ แผ่นที่ได้มาใหม่ ในทำนองเดียวกันมีเงินนับร้อยล้านในธนาคารก็ไม่ทำให้รู้สึกปลาบ ปลื้มใจเท่ากับเมื่อได้มาใหม่อีก ๑ ล้าน 
        พูดอีกอย่างก็คือ คนเรานั้นมักมีความสุขจากการได้ มากกว่าความสุขจากการ มี มีเท่าไรก็ยังอยากจะได้มาใหม่ เพราะเรามักคิดว่าของใหม่จะให้ความสุขแก่เราได้มากกว่าสิ่งที่ม ีอยู่เดิม บ่อยครั้งของที่ได้มาใหม่นั้นก็เหมือนกับของเดิมไม่ผิดเพี้ยน แต่เพียงเพราะว่ามันเป็นของใหม่ ก็ทำให้เราดีใจแล้วที่ได้มา
จะว่าไปนี่อาจเป็นสัญชาตญาณที่มีอยู่กับสัตว์หลายชนิดไม่เฉพาะแ ต่มนุษย์เท่านั้น ถ้าโยนน่องไก่ให้หมา หมาก็จะวิ่งไปคาบ แต่ถ้าโยนน่องไก่ชิ้นใหม่ไปให้ มันจะรีบคายของเก่าและคาบชิ้นใหม่แทน ทั้ง ๆ ที่ทั้งสองชิ้นก็มีขนาดเท่ากัน ไม่ว่าหมาตัวไหนก็ตาม ของเก่าที่มีอยู่ในปากไม่น่าสนใจเท่ากับของใหม่ที่ได้มา
         ถ้าหากว่าของใหม่ให้ความสุขได้มากกว่าของเก่าจริง ๆ เรื่องก็น่าจะจบลงด้วยดี แต่ปัญหาก็คือของใหม่นั้นไม่นานก็กลายเป็นของเก่า และความสุขที่ได้มานั้นในที่สุดก็จางหายไป ผลก็คือกลับมารู้สึก "เฉย ๆ" เหมือนเดิม และดังนั้นจึงต้องไล่ล่าหาของใหม่มาอีก เพื่อหวังจะให้มีความสุขมากกว่าเดิม แต่แล้วก็วกกลับมาสู่จุดเดิม เป็นเช่นนี้ไม่รู้จบ น่าคิดว่าชีวิตเช่นนี้จะมีความสุขจริงหรือ ?

        เพราะไล่ล่าแต่ละครั้งก็ต้องเหนื่อย ไหนจะต้องขวนขวายหาเงินหาทอง ไหนจะต้องแข่งกับผู้อื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ ครั้นได้มาแล้วก็ต้องรักษาเอาไว้ให้ได้ ไม่ให้ใครมาแย่งไป แถมยังต้องเปลืองสมองหาเรื่องใช้มันเพื่อให้รู้สึกคุ้มค่า ยิ่งมีมากชิ้นก็ยิ่งต้องเสียเวลาในการเลือกว่าจะใช้อันไหนก่อน ทำนองเดียวกับคนที่มีเงินมาก ๆ ก็ต้องยุ่งยากกับการตัดสินใจว่าจะไปเที่ยวลอนดอน นิวยอร์ค เวกัส โตเกียว มาเก๊า หรือซิดนีย์ดี

         ถ้าเราเพียงแต่รู้จักแสวงหาความสุขจากสิ่งที่มีอยู่แล้ว ชีวิตจะยุ่งยากน้อยลงและโปร่งเบามากขึ้น อันที่จริงความพอใจในสิ่งที่เรามีนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่เป็นปัญหาก็เพราะเราชอบมองออกไปนอกตัว และเอาสิ่งใหม่มาเทียบกับของที่เรามีอยู่ หาไม่ก็เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เมื่อเห็นเขามีของใหม่ ก็อยากมีบ้าง คงไม่มีอะไรที่จะทำให้เราทุกข์ได้บ่อยครั้งเท่ากับการชอบเปรียบ เทียบตัวเองกับคนอื่น การเปรียบเทียบจึงเป็นหนทางลัดไปสู่ความทุกข์ที่ใคร ๆ ก็นิยมใช้กัน

นิสัยชอบเปรียบเทียบกับคนอื่น ทำให้เราไม่เคยมีความพอใจในสิ่งที่ตนมีเสียที แม้จะมีหน้าตาดี ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่สวย เพราะไปเปรียบเทียบตัวเองกับดาราหรือพรีเซนเตอร์ในหนังโฆษณา

        การมองแบบนี้ทำให้ "ขาดทุน" สองสถาน คือนอกจากจะไม่มีความสุขกับสิ่งที่มีอยู่แล้ว ยังเป็นทุกข์เพราะไม่ได้สิ่งที่อยาก พูดอีกอย่างคือไม่มีความสุขกับปัจจุบัน แถมยังเป็นทุกข์เพราะอนาคตที่พึงปรารถนายังมาไม่ถึง ไม่มีอะไรที่เป็นอุทธาหรณ์สอนใจได้ดีเท่ากับนิทานอีสปเรื่องหมา คาบเนื้อ คงจำได้ว่า มีหมาตัวหนึ่งได้เนื้อชิ้นใหญ่มา ขณะที่กำลังเดินข้ามสะพาน มันมองลงมาที่ลำธาร เห็นเงาของหมาตัวหนึ่ง (ซึ่งก็คือตัวมันเอง) กำลังคาบเนื้อชิ้นใหญ่ เนื้อชิ้นนั้นดูใหญ่กว่าชิ้นที่มันกำลังคาบเสียอีก ด้วยความโลภ (และหลง) มันจึงคายเนื้อที่คาบอยู่ เพื่อจะไปคาบชิ้นเนื้อที่เห็นในน้ำ ผลก็คือเมื่อเนื้อตกน้ำ ชิ้นเนื้อในน้ำก็หายไป มันจึงสูญทั้งเนื้อที่คาบอยู่และเนื้อที่เห็นในน้ำ

บ่อเกิดแห่งความสุขมีอยู่กับเราทุกคนในขณะนี้อยู่แล้ว เพียงแต่เรามองข้ามไปหรือไม่รู้จักใช้เท่านั้น เมื่อใดที่เรามีความทุกข์ แทนที่จะมองหาสิ่งนอกตัว ลองพิจารณาสิ่งที่เรามีอยู่และเป็นอยู่ ไม่ว่า มิตรภาพ ครอบครัว สุขภาพ ทรัพย์สิน รวมทั้งจิตใจของเรา ล้วนสามารถบันดาลความสุขให้แก่เราได้ทั้งนั้น ขอเพียงแต่เรารู้จักชื่นชม รู้จักมอง และจัดการอย่างถูกต้องเท่านั้น
แทนที่จะแสวงหาแต่ความสุขจากการได้ ลองหันมาแสวงหาความสุขจากการ มี หรือจากสิ่งที่ มี ขั้นต่อไปคือการแสวงหาความสุขจากการ ให้ กล่าวคือยิ่งให้ความสุข ก็ยิ่งได้รับความสุข สุขเพราะเห็นน้ำตาของผู้อื่นเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม และสุขเพราะภาคภูมิใจที่ได้ทำความดีและทำให้ชีวิตมีความหมาย จากจุดนั้นแหละก็ไม่ยากที่เราจะค้นพบความสุขจากการ ไม่มี นั่นคือสุขจากการปล่อยวาง ไม่ยึดถือในสิ่งที่มี และเพราะเหตุนั้น แม้ไม่มีหรือสูญเสียไป ก็ยังเป็นสุขอยู่ได้
เกิดมาทั้งที น่าจะมีโอกาสได้สัมผัสกับความสุขจากการ ให้ และ การ ไม่มี เพราะนั่นคือสุขที่สงบเย็นและยั่งยืนอย่างแท้จริง
 

คติและข้อคิดดีๆสอนใจเรา

              วันนี้เราก็นำสารระดีๆเป็นคติข้อคิดที่เราสามรถนำไปใช้กับชีวิตประจำวันเราได้ เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจในการดำเนินชีวิตของเราให้ประสบความสุขและความสำเร็จได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว    
              เราเองก็ยึดและปฎิบัติตามคำแนะนำจากหนังสือเล่มนี้เหมือนกัน เห็นผลดีมากเลย เพราะจากที่เคยมีความทุกข์จากปัญหารอบตัวที่เข้ามามากมาย ไม่รู้จะหาทางออกยังไง ทำอะไรผิดพลาดจนเกือบล้มเหลวในหลายครั้ง แต่พอได้อ่านข้อคิดเหล่านี้ตอนนี้ก็สามารถยอมรับและรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ดีขึ้น จึงอยากมาแนะนำเพื่อนๆยังไงก็ลองอ่านและทำตามข้อคิดเหล่านี้ได้นะคะ
 
เรียนก่อนที่จะรู้ รู้ก่อนที่จะทำ
          หากเราคิดจะทำอะไรสักอย่างหนึ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน เราจะต้องศึกษา ต้องวางแผน ต้องฝึกฝน ต้องเข้าใจในสิ่งนั้นอย่างถ่องแท้และถูกต้องก่อนจึงลงมือทำ ผลที่ได้รับย่อมมีความผิดพลาดน้อยลง และโอกาสของความสำเร็จย่อมสูงตามขึ้นไปด้วย

อยู่ให้ได้ทุกสถาณการณ์
          หากเราเข้าใจ รู้จักตนเองและสิ่งแวดล้อม พร้อมมีเป้าหมาายเป็นอย่างดี ลองเปลียนทุกอย่างที่ขวางหน้ามาเป็นสิ่งที่ท้าทายและสนุกกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น เราก็จะอยู่ได้ในทุกสสถานการณ์บนโลกนี้

ยอมจำนนกับอดีต แต่ไม่ยอมแพ้กับอนาคต
          อดีตที่ผ่านมาไม่สามรถที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ เราต้องกล้ารับผิดชอบ แต่อยาคตเป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึง เราต้องมีความมุ่งมั่น อดทน อย่ายอมแพ้ง่ายๆ

ทำดีไม่ต้องมีคำชม
          เมื่อเราทำดี สิ่งที่เราได้คือความสุข ความภูมิใจที่เรารู้อยู่แก่ใจของเราเอง ไม่จำเป็นต้องมีใครมาชมเชย หรือให้รางวัลเราทำดี เพราะตัวเราอยากทำ

หยุดคิด ชีวิตจะล้าหลัง
          เมื่อไหร่ที่เราหยุดคิด หยุดฝัน และหยุดทำ ความก้าวหน้าก็จะไม่เกิดขึ้น และอนาคตของชีวิตเราก็จะล้าหลัง

มองให้ไกล ไปให้ถึง
          การมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล และมุ่งหน้าไปสู่ปลายทางด้วยความรอบคอบ จุดหมายนั้นย่อมไม่ไกลเกินฝัน

พรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้
         หากเราทำทุกสิ่งในชีวิตให้มีคุณภาพดีขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆวัน อนาคตย่อมมีแต่ความก้าวหน้าแน่นอน       

อารมณ์คือปัญหา ปัญญาคือทางออก
        การใช้อารมณ์มักเป็นตัวเริ่มต้นปัญหาต่างๆของมนุษย์ การใช้ปัญญามากกว่าอาารมณ์ย่อมจะเป็นหนทางที่ดี ทั้งในการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา และการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง

เดินบนถนนที่ตนรู้
        ถ้าเราจะเดินไปสู่อนาคต จงเดินไปบนทิศทางที่เราคิดว่าเรารู้จักเป็นอย่างดีที่สุด และสามารถทำสิ่งนั้นได้ดีที่สุด จะทำให้เราเดินไปสู่ความสำเร็จได้ง่ายกว่าการที่เราจะเดินไปโดยมือแปดด้าน

ทำในสิ่งที่ตนพอใจ และพอใจในสิ่งที่ตนทำ
        หากเมื่อมีโอกาศก็จงทำในสิ่งที่ตนเองรักที่ชอบและมีความพึงพอใจกับสิ่งที่ตนเองทำอยู่

คิดก่อนพูด จะไม่เสียใจในอนาคต
        คำพูดที่ออกจากปากไป ไม่สามารถที่จะแก้ไขใหม่ได้ ดังนั้น หากใช้เวลาสักนิดเพื่อคิกก่อนพูด ในอนาคตก็จะไม่เสียใจกับคำพูดของตน

ความยากจนจะเกิดกับคนที่กลัวลำบาก
         คนที่กลัวความลำบากจนไม่อยากคิด หรืออยากทำอะไรนั้น ย่อมไม่มีผลงาน ไม่มีรายได้หรือโอกาสของความสำเร็จ และย่อมพบกับความยากจนอย่างแน่นอน

หากปัญหาเกิดขึ้นที่ตัวเรา ต้องแก้ด้วยตัวเรา
         ปัญหามักจะเกิดจากความผิดพลาดและไม่รอบคอบของตัวเรา ผู้ที่จะแก้ไขได้ดีที่สุดคือตัวเราเอง เพราะเราย่อมรู้สาเหตุและต้นตอของปัญหาดีที่สุด

ปัญหาทุกปัญหามีทางออกเสมอ
         หากเรามองเห็นปัญหาต่างๆอย่างถ่องแท้ รอบคอบ เข้าใจถึงที่มาของมันแล้ว เราย่อมจะไดแนวทางแก้ไขปัญหานั้นได้

 และนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งสำหรับข้อคิดดีๆที่เราได้นำมาบอกต่อเท่านั้น ก็อยากให้ผู้ที่อ่านได้ลองคิดและปฎิบัติตามในการนำไปใช้ดำเนินชีวิตของเราเอง เพราะเราเองก็ใช้ข้อคิดดังกล่าวมาปรับใช้ในชีวิต ซึ่งรู้สึกได้ว่ามันเห็นผลลดีมากๆสามารถรับมือกับทุกวันได้เป็นอย่างดี ยังไงก็อย่าลืมลองนำไปใช้นะคะ

สลัดรวม เพื่อสุขภาพที่ดี

วันนี้เรามีสูตรอาหารเพื่อสุขภาพมาฝากสาวๆกันค่ะ ใครที่อยากจะลดน้ำหนัก แต่พอเห็นสลัดผักแล้วเบื่อทำหน้ายี้ แล้วล่ะก็ ลองดูสลัดรวม สูตรนี้กันค่ะ น่ากินมากๆ เห็นแล้วนึกอยากทำขึ้นมาเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะได้สุขภาพแล้วนั้น รสชาติยังอร่อยดีด้วย


ส่วนผสมสลัด
1. ผักสลัด
2. เห็ด
3. ผลไม้ เช่น กีวี แอปเปิ้ล มะเขือเทศเชอร์รี่
4. กุ้ง
5. ไข่ไก่
                                                                                                                             
ส่วนผสมน้ำสลัด

1. ไข่แดง 2 ฟอง
2. น้ำมันพืช 1 ถ้วยตวง
3. น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
5. เกลือป่น 1 ช้อนชา
6. พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
7. มัสตาร์ด 1 ช้อนชา
(สูตรนี้จะออกรสจัดของน้ำส้มสายชูมากๆค่ะ ถ้าใครไม่ชอบลองเปลี่ยนเป็นน้ำส้มสายชูหมักจากผลไม้ หรือน้ำมะนาวดูก็ได้นะค่ะ)


ขั้นตอนการทำ
     เรามาเริ่มทำน้ำสลัดกันก่อนนะค่ะ
  1. นำไข่แดงผสมกับมาสตาร์ด แล้วตีให้ขึ้นฟู
  2. ค่อยๆใส่น้ำมันลงไปตีผสมให้เข้ากันค่ะ (แบบว่าใส่ทีละน้อยๆค่ะ)
  3. เมื่อน้ำมันใกล้หมดให้ใส่น้ำส้มสายชูสลับกับน้ำมันตีผสมต่อให้เข้ากันไปเรื่อยๆสังเกตว่าส่วนผสมขึ้นฟูดีแล้วถือว่าเสร็จค่ะ โดยสังเกตได้จากสีเปลี่ยนเป็นสีครีมขึ้น และมีรอยตะกร้อที่น้ำสลัด
  4. หลังจากทำน้ำสลัดเสร็จแล้วก็นำผักผลไม้ไปล้างน้ำให้สะอาดและก็หั่นเป็นขนาดตามที่เราต้องการได้เลยค่ะ แล้วจึงนำเส้นพาสต้า / กุ้ง / ไข่ต้ม / เห็ด ไปต้มให้สุก และก็หั่นไข่เตรียมไว้
  5. เมื่อเราเตรียมส่วนที่จะนำไปทานกับน้ำสลัดเสร็จแล้ว นำทุกอย่างลงคลุกกับน้ำสลัดได้เลยค่ะ




     

ยังไงก็อย่าลืมลองมาทำทานกันเองบ้างนะคะ เพื่อความสะอาด สดใหม่และปลอดภัย แถมยังได้รสชาติถูกปากเราเองด้วยค่ะ

วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ หินช้างสี

        วันนี้จะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่แถวๆบ้านของเราเอง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามและมีคนไปเที่ยวกันทุกๆปี เราเองก็ไปเที่ยวกับเพื่อนๆบ่อยมากๆเลยล่ะ ประมาณละ 2-3ครั้งได้มั้ง! นั่นก็คือ "หินช้างสี" ค่ะ

        หินช้างสี สถานที่ท่องเที่ยวบนภูเขา ที่มีตำนานเล่าจากคนเก่าคนแก่ มีจุดชมวิวที่สวยงาม มีสัตว์ป่าตัวน้อยที่ออกมาให้เห็นอยู่บ่อยๆ มีพืชพันธุ์ทางธรรมชาติที่สวยงาม อีกทั้งสถานที่แห่งนี้ยังเหมาะแก่การจัดกิจกรรมการเข้าค่ายต่างๆมากมาย มีลานพักกลางเต้น มีบ้านพักให้ด้วย มีห้องน้ำใช้อำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว  (แต่ไม่มีร้านค้าหรือร้านสะดวกซื้อนะคะ เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีเพื่่อเดินเที่ยวชมป่า และ ธรรมชาติของป่าเท่านั้น จึงควรค่าแก่การอนุรักษ์ดูแลรักษาทั้งป่า ทรัพยากรสัตว์ป่า และพืชพันธุ์หายาก จึงไม่อนุญาตฺให้มีการขายสินค้าแต่อย่างใด)
        และนี่เป็นเพียงข้อมูลคร่าวๆจากเราที่เคยสัมผัสมาเท่านั้นเอง ยังไงถ้าอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมก็ลองมาสัมผัสบรรยายกาศกันเองนะคะ เพราะเมื่อมาถึงก็จะมีเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้คอยดูแลและให้คำปรึกษาท่านอยู่ตลอดเวลาตรงนั้นด้วยคะ

        ภาพประกอบหินช้างสี

หินช้างสี

                                                                                   
     
ทางเดินจากก้อนหินช้างสี ไปจุดชมวิว
 

                                                                    ทางขึ้นจุดชมวิว


        ภาพข้างบนเป็นภาพเก่าที่เราถ่ายไว้แล้วยังไม่ได้ปริ้นมา เหลืออยู่เท่านี้เองไม่ครบทุกจุด จึงยังคงมองไม่เห็นบรรยากาศได้ชัดเท่าไหร่ ยังไงลองไปดูภาพบรรยากาศและทัศนียภาพของหินช้างสีจากวิดีโอกันเลยดีกว่าคะ

      

ธาตุในร่างกายกับการดื่มน้ำ

น้ำนี้ดีมีประโยชน์ เพราะนอกจากจะดื่มแล้วแก้กระหาย สร้างความกระชุ่มกระชวยมีชีวิตชีวาให้กับร่างกาย
และลดสารพิษในร่างกายแล้ว รู้มั๊ยว่าหากเราเลือกดื่มน้ำตามธาตุของตัวเอง มันจะส่งผลดีต่อสุขภาพ
ทีนี้ตัวเราเองธาตุอะไรล่ะ ผู้มีภูมิปัญญาชาวไทยแบ่งไว้นานแล้ว ก่อนที่จะมีการวิจัยถอดรหัสจีโนม หรือทำแบบแผนพันธุกรรมมนุษย์ เพื่อให้หมอจ่ายยา(ฝรั่ง)ให้ถูกกับคนไข้แต่ละรายเสียอีก
 แต่ก่อนจะมาดูว่าเราต้องกินน้ำอะไรให้เหมาะกับธาตุของตัวเอง ก็มาตรวจดูธาตุตามราศีเกิด หรือตามลัคนากันซะก่อน แล้วค่อยจัดแจงปรุงน้ำดื่มตามธาตุ เพื่อความมีสุขภาพดี
 
มาดูกันเลยว่า คุณเป็นคนธาตุใด
ราศีเมษ 13 เมษ.- 13 พค. ธาตุไฟ                   ราศีพฤษภ 14 พค.- 14 มิย. ธาตุดิน                  ราศีเมถุน 15 มิย. - 15 กค. ธาตุลม                  ราศีกรกฎ 16 กค. - 16 สค. ธาตุน้ำ  
ราศีสิงห์ 16 ส.ค. - 16 ก.ย. ธาตุไฟ                  ราศีกันย์ 16 ก.ย.- 16 ต.ค. ธาตุดิน                  ราศีตุลย์ 16 ต.ค. - 16 พ.ย. ธาตุลม                 ราศีพิจิก 16 พ.ย. - 15 ธ.ค. ธาตุน้ำ
ราศีธนู 16 ธ.ค. - 13 ม.ค. ธาตุไฟ                    ราศีมังกร 13 ม.ค. - 12 ก.พ. ธาตุดิน
ราศีกุมภ์ 13 ก.พ. - 13 มี.ค. ธาตุลม                 ราศีมีน 13 มี.ค. -12 เม.ย. ธาตุน้ำ

 
พอรู้ธาตุตามราศีเกิดกันแล้ว ทีนี้มาดูกันต่อว่าธาตุไหนเหมาะกับน้ำอะไร
ธาตุดิน
คนธาตุดินมักชอบดื่มน้ำผักและผลไม้ที่มีรสฝาด หวาน มัน เค็ม เช่น น้ำฝรั่ง น้ำมะตูม น้ำกระท้อน น้ำมะกอก น้ำมะขามป้อม น้ำลูกหว้า น้ำแตงโม น้ำมะละกอ น้ำกล้วยหอม น้ำขนุน น้ำเงาะ น้ำน้อยหน่า น้ำละมุด ฝรั่ง น้ำลำไย น้ำอ้อย น้ำกระจับ น้ำข้าวโพด น้ำฟักทอง น้ำแห้ว และน้ำที่ออกรสเค็ม
ธาตุน้ำ
ชอบน้ำผักและผลไม้รสเปรี้ยว รสขม เช่น น้ำมะขาม น้ำมะนาว น้ำกระเจี๊ยบแดง น้ำมะยม น้ำส้มโอ น้ำมังคุด น้ำมะเขือเทศ น้ำสับปะรด น้ำส้มเขียวหวาน น้ำลังสาด น้ำลิ้นจี่ น้ำเชอรี่ น้ำองุ่น น้ำชมพู่ น้ำทับทิมน้ำพุทรา น้ำสตรอเบอรี่ น้ำมะขวิด น้ำมะปราง น้ำมะเฟือง น้ำมะไฟ น้ำมะม่วงน้ำมะระขี้นก น้ำเห็ดหลินจือ น้ำใบบัวบก
ธาตุลม
มักจะชอบดื่มน้ำผักผลไม้ที่มีรสเผ็ดร้อน เช่น น้ำกะเพราแดง น้ำขิง น้ำข่า น้ำตะไคร้
ธาตุไฟ
ชอบรสหอมเย็น รสจืด เช่น น้ำลูกเดือย น้ำเม็ดแมงลัก น้ำอาร์ซี น้ำแตงไทย น้ำมะพร้าว น้ำรากบัว น้ำลูกจาก น้ำลูกตาลอ่อน น้ำผักคะน้า น้ำผักตำลึง น้ำแตงกวา น้ำขึ้นฉ่าย น้ำดอกคำฝอย น้ำว่านหางจระเข้ น้ำกระหล่ำปลี น้ำกวางตุ้งแล้วก็ลองปรุงเมนูสูตรน้ำตามธาตุกันได้เลย
ธาตุดิน
น้ำฝรั่ง วิตามินซีสูง มีสารเบต้า-เคโรทีน ป้องกันไขมันจับผนังหลอดเลือด
ส่วนผสม: ฝรั่งแก่จัด (หั่นชิ้นเล็กๆ ) 2 ช้อนคาว / น้ำต้มสุก 14 ช้อนคาว / น้ำเชื่อม 1 ช้อนคาว / เกลือป่นเล็กน้อย 2/5 ช้อนคาว
วิธีทำ: ล้างฝรั่งให้สะอาด ฝานเฉพาะเนื้อเป็นชิ้นเล็ก ใส่เครื่องปั่น เติมน้ำสุก ปั่นจนละเอียดแล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง เติมน้ำเชื่อมและเกลือป่นเล็กน้อย ชิมรสตามชอบ
น้ำมะตูม มะตูมช่วยขับลม ช่วยย่อย ช่วยเจริญอาหาร บรรเทาร้อนใน
ส่วนผสม: มะตูมแห้ง 2 ชิ้น / น้ำตาลทราย 1 ช้อนคาว / น้ำเปล่า 16 ช้อนคาว
วิธีทำ: ล้างมะตูมแห้งให้สะอาด ปิ้งไฟให้หอม ใส่หม้อ เติมน้ำ เปิดไฟเคี่ยวสักครู่ ยกลงกรองเอาแต่น้ำ เติมน้ำตาลทราย ตั้งไฟให้ละลาย ชิมรส
ธาตุน้ำ
น้ำมะขาม บำรุงสายตา บำรุงกระดูก แก้ไอ แก้กระหายน้ำ ช่วยระบายท้อง
ส่วนผสม: เนื้อมะขามสด หรือเปียก 2 ฝักใหญ่ / น้ำเชื่อม 2 ช้อนคาว / เกลือป่นเสริมไอโอดีน 2/5 ช้อนชา / น้ำเปล่า 16 ช้อนคาว
วิธีทำ: ลวกมะขามสดในน้ำต้มเดือด ตักขึ้นแกะเอาแต่เนื้อ ต้มจนเดือด เติมน้ำเชื่อม เกลือ ชิมรสตามชอบ ถ้าใช้มะขามเปียก ควรแช่น้ำ 1-2 ชั่วโมง ให้เปื่อยยุ่ยรวมกับน้ำ ก่อนนำไปต้มสุก ปรุงด้วยน้ำเชื่อมและเกลือ
น้ำมะม่วง วิตามินซีสูง บำรุงสายตา มีฟอสฟอรัส แคลเซียม และเหล็กเล็กน้อยช่วยระบายท้อง
ส่วนผสม: เนื้อมะม่วงครึ่งผลเล็ก / น้ำต้มสุก 14 ช้อนคาว / น้ำเชื่อม 2 ช้อนคาว / เกลือป่น 1/5 ช้อนชา
วิธีทำ: มะม่วงดิบ (แก้วหรือแรด) ปอกล้างน้ำ สับเป็นเส้น คั้นกับน้ำสุก กรองกากออก เติมน้ำเชื่อม เกลือป่น มะม่วงสุก ล้างแล้วปอก ฝานเนื้อ ปั่น เติมน้ำสุก เกลือ ชิมรส น้ำมะม่วงควรเตรียมและดื่มให้หมดใน 1 วัน
ธาตุลม
น้ำกะเพราแดง ช่วยขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ
ส่วนผสม: ใบกะเพราแดงแห้ง 1 ช้อนชา / น้ำเดือด 14 ช้อนคาว
วิธีทำ: ล้างใบกะเพราแดงสด ผึ่ง 2-3 แดด เก็บไว้ในกระป๋อง เวลาชง ให้ใส่กะเพราแดงแห้งในกระติกน้ำร้อน หรือชงกับน้ำ 1 แก้ว ทิ้งไว้ 5-10 นาที แล้วดื่มได้เลย
 
น้ำตะไคร้ บำรุงสายตา กระดูก ฟัน แก้ท้องอืดเฟ้อ ขับปัสสาวะ ขับเหงื่อ ลดความดัน ลด
พิษของสารแปลกปลอมในร่างกาย
ส่วนผสม: ตะไคร้ 1 ต้น / น้ำเชื่อม 1 ช้อนคาว / น้ำเปล่า 16 ช้อนคาว
วิธีทำ: ล้างตะไคร้ หั่นเป็นท่อนสั้น ทุบให้แตก ใส่หม้อต้มจนเป็นสีเขียว ยกลง กรองตะไคร้ออก เติมน้ำเชื่อม อาจใช้เหง้าแก่ใต้ดินล้างฝานเป็นแว่นบาง คั่วไฟอ่อนพอเหลือง ชงเป็นชาดื่มวันละ 3 ครั้ง ๆ ละ 1 ถ้วยชา
ธาตุไฟ
น้ำเม็ดแมงลัก ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจ ระบายท้อง
ส่วนผสม: เม็ดแมงลัก 1 ช้อนชา / น้ำสะอาด 14 ช้อนคาว / น้ำตาล 1 ช้อนคาว
วิธีทำ: เลือกเศษผงจากเม็ดแมงลัก ใส่ภาชนะทนความร้อน เติมน้ำร้อนหรือน้ำเย็นก็
ได้ คนให้เข้ากันรอจนพองตัว เห็นเป็นเม็ดขาวจุดตำ เติมน้ำตาลตามชอบ

 
น้ำผักตำลึง บำรุงสายตา บำรุงกระดูก ป้องกันโลหิตจาง หัวใจขาดเลือด มะเร็ง
ส่วนผสม: ใบตำลึงหั่น 10 ช้อนคาว / น้ำเชื่อม 2 ช้อนคาว / น้ำมะนาว 2 ช้อนชา / น้ำต้มเปล่าสุก 14 ช้อนคาว / เกลือป่นเสริมไอโอดิน 1/5 ช้อนคาว
วิธีทำ: ล้างใบตำลึง หั่น ปั่น เติมน้ำต้ม 7 ช้อนคาว ปั่นอีก แล้วกรอง เติมน้ำที่เหลือคั้นเอแต่น้ำ เติมเกลือ น้ำมะนาว น้ำเชื่อม
 
 เห็นประโยชน์มากมายแถมยังมีความสมดุลกับสุขภาพของเราแล้ว ก็ลองหันมาดื่มแบบนี้กันบ้างนะคะ    

5 อาหารป้องกันโรคไข้หวัด

อาหาร 5 ชนิดที่อาจให้ผลช่วยการเพิ่มภูมิต้านทาน ป้องกัน หรือลดความรุนแรงของหวัด มีดังนี้
  1. อาหารรสเผ็ด รวมทั้งเครื่องเทศ เช่น กระเทียม พริก ลดอาการคัดจมูก ช่วยทำให้หายใจโล่งขึ้น
     
    ขอบคุณภาพจาก http://cdn.learners.in.th/assets/media/files/000/212/800/original_rtyuio.jpg?1285438531
     
  2. กระเทียม ช่วยลดอาการหวัด จะเติมลงในอาหารหรือเคี้ยวสดๆวันละ 1-2 กลีบก็ได้
     
    ภาพจาก http://health.todayza.com/wp-content/uploads
     
  3. ดื่มน้ำมากๆแทนที่จะดื่มกาแฟ น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มที่มีรสหวาน อาจดื่มน้ำผลไม้คั้นสดบ้างเพื่อเสริมวิตามินซี เครื่องดื่มร้อนที่ช่วยได้ เช่น ชา น้ำมะนาวอุ่นๆ จะช่วยลดเสมหะได้
  4.  
  5. ซุปไก่ร้อนๆช่วยลดอาการคัดจมูก อาจเติมผักหลายๆสีเพื่อเพิ่มแอนติออกซิแดนต์ ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีวุขภาพดี ซุปไก่ที่ผ่านกระบวนการตุ๋น เคี่ยวนานๆ จนโปรตีนย่อยสลายเป็นไดเเปปไทด์ อาจช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น และยังให้โปรตีนที่ดีต่อร่างกายด้วย
  6.  
  7. สารต่อต้านอนุมูลอิสระ เช่น เบต้าแคโรทีน(วิตามินเอ) วิตามินซี วิตามินอี ช่วยกำจัดสิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย ป้องกันการติดเชื้อ ผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมุลอิสระสูง เช่น แครอต ผักใบเขียวจัด ส้ม ฝรั่ง องุ่น มะละกอสุก เป็นต้น
                                                                                                                                                                         
  8.  
     

มหันตภัยของการนอนดึก

               
           การอดหลับอดนอน คงกลายเป็นเรื่ิองธรรมดาของเหล่ามนุษย์เงินเดือนไปเสียแล้ว! ไม่ว่าจะเกิดมาจากสาเหตุใดก็ตามแต่ เราอย่าปล่อยให้มันกลายเป็นความเคยชิน เพราะผลกระทบของการนอนดึกนั้นมันร้ายแรงกว่าที่คิดจริงๆ

ภาพจาก http://www.ubraintutor.com/main/images/stories/newstoday/textnews/tr-tp-03-30-56.png
 ถ้าุคุณสาวๆยังไม่เชื่อลองมาดูความเสียหายที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเหล่านักนอนเช้าตัวยงกัน

1.ระบบการย่อยอาหาร
            การอดหลับอดนอน ส่งผลให้ท้องอืด ท้องเฟ้อง่าย อาหารย่อยไม่ดี ทำให้อุจจาระหยาบ ต่างจากการนอนตรงตามเวลา นอนแต่หัวค่ำ อุจจาระที่ถ่ายออกมาก็จะสวย ไม่มีเศษอาหารติดอยู่ และไม่เหนียว หรือแข็งแรงหยาบจนเกินไป ทั้งนี้เกิดจากการที่ร่างกายของเรานั้น ย่อยอาหารได้ไม่ดี และไม่หมด เพราะระบบการย่อยมันอ่อนล้าจากการที่นอนไม่เป็นเวลา
            แนวทางแก้ไข  
            หากจำเป็นต้องนอนดึกจริงๆ ให้หลีกเลี่ยงหรือลดอาหารจำพวกเนื้อสัตว์หรืออาหารเหนียวๆ เพื่อไม่ให้ลำไส้ทำงานหนัก เพราะหลังจากที่เราหลับไปแล้ว ถ้าคุณยัดอาหารหนักลงกระเพาะ ลำไส้ก็คงยังทำงานอยู่ ไม่ได้พักผ่อน และทำให้เกิดปัญหา
            แล้วเวลาตื่นนอนขึ้นมาเรามีความรู้สึกอ่อนเพลีย  ก็ควรกินไข่ นม หรือน้ำ ผลไม้แทนอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ จะสามารถรอดจากอาการท้องผูก เป็นประจำได้ แต่ทางที่อย่านอนดึกเลย หรือจำเป็นจริงๆควรออกกำลังกายหน้าท้องเข้าไว้ เพื่อสร้างกำลังให้ท้องสามารถรีดอุจจาระออกมาได้เร็ว

2.ระบบปัสสาวะ
            ลองสังเกตุกันไหมว่า ถ้าเรานอนแต่หัวค่ำ (ประมาณ 3-4 ทุ่ม) พอรุ่งเช้าตื่นขึ้นมาก็จะปัสสาวะครั้งเดียวจบ แต่ภ้าเรานอนดึก กลางดึกก็จะต้องลุดขึ้นมาเข้าห้องน้ำอยู่บ่อยๆ
            เพราะร่างกายใช้งานเกินลิมิตไปแล้ว กล้ามเนื้อข้างในเลยพยายามบีบเอาพลังงานออกมาใช้ จึงต้องใช้น้ำมาก ผลก็คือปปัสสาวะบ่อยและนั่นทำให้เกลือแร่ที่อยู่ในร่างกายถูกขับออกมาพร้อมกับปัสสาวะ
            แนวทางแก้ไข
            ให้กินแคลเซียมเม็ดเพื่่อป้องกันเลือดจาง แต่ควรกินวันละ 1 เม็ดเท่านั้น เพราะกินมากเกินไปจะเกิิดภาวะแคลเซียมพอก หรืออาการกระดูกงอกทับเส้นประสาท
            ต่อไปหากต้องนอนดึก ควรจะดื่มน้ำมากๆและเติมเกลือลงไปในน้ำ เพื่อช่วยระบบเลือดและความดันโลหิตด้วย ส่วนคนที่ใช้เครื่องดื่มชูกำลังต่างๆควรเลิกเสีย เพราะพอเราอยู่ดึกมากๆและกลั้นปัสสาวะ มันก็จะซึมเข้าไปในเลือด ทำให้น้ำเหลืองเสียและจะไปประทุที่ขาหนีบ 

3.ระบบเหงื่อ
            สำหรับคนที่เข้าใจว่า ถ้าไม่มีเหงื่อออกจะมีสุขภาพที่ดีนั้น เป็นความเข้าใจที่ผิดถนัด เพราะถ้าเหงื่อไม่ออก ความร้อนภายในร่างกายก็จะไม่สามารถระบายออกมาได้ รวมไปถึงของเสียต่างๆที่ตะถูกระบายออกพร้อมเหงื่อก็จะไม่ระบายออกมา ทำให้อึดอัด รวมไปถึงโรคผิวหนัง อาทิ สิว ฝ้า ก็จะถามหาเอาง่ายๆ
            คนที่นอนดึกก็จะเหงื่อไม่ออก จึงมักเผชิญกับปัญหาของเสียตกในอยู่เสมอ และแน่นอนว่าสิวฝ้าก็จะตามมาเช่นกัน อีกทั้งเหงื่อไม่ออก การระบายน้ำก็จะตกเป็นภาระของไต เพื่อขับออกมาเป็นปัสสาวะ ไตเลยต้องทำงานหนัก แถมยังปัสสาวถี่อีกด้วย
            แนวทางแก้ไข
ไม่ต่างจากระบบอื่นๆคือการดื่มน้ำเข้าไปเยอะๆและที่สำคัญคือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อเรียกเหงื่อออกมา

อาหารเพื่อคงความหนุ่มสาว

อาหารเพื่อคงความหนุ่มสาว

        นอกจากพืชผักผลไม้แล้ว อาหารบางประเภทก็มีส่วนสำคัญทำให้คุณดูเป็นหนุ่มเป็นสาวได้นาน นั่นก็คือ การรับประทานอาหารที่มีตำนวนแคลอรีน้อยที่สุดในแต่ละมื้ออาหาร โดยการจำกัดอาหารประเภทไขมันและน้ำตาลให้น้อยลงในแต่ละมื้ออาหารที่รับประทาน เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการเกิดโรคต่างๆกับร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น โรคหัวใจ ดรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตและโรคภูมิแพ้ เป็นต้น และที่สำคัญที่สุด "โรคแก่ก่อนวัย"
         เพราะฉะนั้น หากไม่อยากเกิดโรคต่างๆอย่างที่บอกมาโดยเฉพาะโรคแก่ก่อนวัย ควารหัยมารับประทานผักผลไม้และอาหารบางประเภทที่ดีต่อสุขภาพให้มากขึ้นจะดีกว่า

         อาหารบางประเภทที่ดีต่อสุขภาพและไม่ทำให้แก่ก่อนวัย  ตัวอย่างเช่น

ปลาทูน่า
ขอบคุณภาพจาก http://aroundthemind.exteen.com/images/spaghetti01/Today6315.jpg  
        เนื้อที่ได้ขึ้นเชื่อว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพและปลอดภัยที่สุด ก็คือเนื้อปลา ดังนั้น เนื้อปลาทูน่า จึงเป็นเนื้อปลาที่มีประโยชน์ต่อคุณมากเลยทีเดียว เนื่องจากทูน่ามีสารอาหารที่ชื่อว่า ซีลีเนียม ซึ่งช่วยชะลอความแก่ ทำให้ผิวพรรณไม่เหี่ยวย่น ผิวหนังชุ่มชื่น กล้ามเนื้อแข็งแรง ลดปัญหารังแคบนหนังศีรษะ และส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกายให้ดีขึ้น ทั้งยังป้องกันโรคต่างๆอีกมากมายอีกด้วย เมื่อเห็นประโยชน์ของทูน่าแล้ว ควรหันมาทานทูน่าแทนเนื่อสัตว์อื่นๆจะดีกว่า เพื่อชะลอความแก่กันนะคะ

ขนมปังโฮสวีต
 
ขอบคุณภาพจาก http://www.slimnow.biz/wp-content/uploads
 
ขนมปังโฮสวีตมีคุณค่าทางโภชนาการ นั่นก็คือ ขนมปังโฮสวีตประกอบด้วยโพแทศเซียม เหล็ก เส้นใยอาหาร ลิกแนน กรดโฟติก ซึ่งทั้งหมดมีส่วนช่วยป้องกันโรคหัวใจ โรคมะเร็งลำไส้ และช่วยชะลอความแก่ อีกทั้งยังดีต่อระบบขับถ่ายเนื่องจากประกอบไปด้วยเส้นใยอาหาร จึงทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ตามปกติ ทั้งยังลดการเกิดโรคซึมเศร้าได้ด้วย ดังนั้นขนมปังโฮสวีต จึงเป็นอาหารอีกชนิกหนึ่งที่ดีต่อสุขภาพ ช่วยคงความหนุ่มสาวได้ค่ะ
 
น้ำ
 
ใครจะรู้บ้างว่าน้ำนี้แหล่ะตัวช่วยที่สำคัญที่สุดที่จะช่วยชะลอความแก่และคงความหนุ่มสาวให้แก่มนุษย์ทุกคนได้เป็นอย่างดี เพราะน้ำไม่ได้มีคุณสมบัติแค่ใช้ดื่มเพื่อดับกระหายเท่านั้น แต่น้ำมีประโยน์ต่อร่างกายมากกว่านั้น เพราะน้ำเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดต่อชีวิตทุกชีวิตไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ ต่างก็ใช้น้ำเพื่อการดำรงชีวิต และน้ำมีส่วนช่วยทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ชุ่มชื้น ไม่เหี่ยวย่นและยังทำให้การขับถ่ายทำงานได้ตามปกติ เพราะฉะนั้นจึงควรดื่มน้ำวันละ 1-2 สำหรับผู้หญิง และ 2-3 ลิตรสำหรับผู้ชายเพื่อสุขภาพที่ดีของคุณและช่วยชะลอความแก่ของผิวพรรณกันนะคะ

วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สุดยอดสารอาหาร 10 ชนิด ที่ควรทานทุกวัน

                                               ลูทีน บำรุงสายตาสาวออฟฟิศ    

        ไม่ว่าใคร ๆ ก็ล้วนแล้วอยากจะมีสุขภาพที่ดีไม่ต่างกัน ดังนั้น การดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกาย และการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ จึงเป็นวิธีง่าย ๆ ที่หลาย ๆ คนเลือกใช้และที่สำคัญ มันให้ผลลัพธ์ที่ดีซะด้วยสิ โดยเฉพาะเรื่องการรับประทานอาหารที่ทำให้สุขภาพดีจากภายใน ยิ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำให้ได้ทุกวันเลยล่ะ     นอกจากการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่จะดีต่อสุขภาพแล้ว วันนี้ดิฉันก็นำสาระน่ารู้ดีๆเกี่ยวกับอาหาร 10 ชนิด ที่อุดมไปด้วยคุณค่าสารอาหารที่มีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ ที่สำคัญหาซื้อทานได้ง่ายและสามารถรับประทานได้ในทุกๆวัน มาฝากเพื่อนๆ ชาวเว็ปทุกคน ... เราไปดูกันดีกว่า ว่าอาหารเหล่านั้นมีอะไรกันบ้าง เพื่อนๆได้ทานกันเป็นประจำรึบ้างเปล่าน๊า า า า !!!!

 1. เบอร์รี่ แม้ว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่จะเคยเป็นผลไม้ที่หาทานได้ยากในบ้านเรา แต่ในสมัยนี้เห็นจะไม่ใช่อย่างนั้นแล้วล่ะค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้เค้ามีขายกันเกลื่อนตามห้างสรรพสินค้า และท้องตลาดบางแห่งด้วยแน่ะ คุณ ๆ รู้ไหมคะว่า ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่นั้น ช่วยในเรื่องของระบบย่อยอาหารได้มากเลยทีเดียว แถมยังมีแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์ และที่สำคัญ ยังมีวิตามิน C ที่ช่วยในเรื่องผิวพรรณและหวัดอีกด้วย

2. ไข่ไก่

ไข่ไก่เป็นสุดยอดอาหารที่หาง่ายมาก ๆ แถมยังราคาถูกอีกแน่ะ คุณ ๆ รู้ไหมว่า ไข่ไก่นั้นเป็นแหล่งของโปรตีนคุณภาพสูง ที่ทำให้คุณได้พลังงานแต่ไม่อ้วน แถมมีประโยชน์ในการบำรุงสายตา อ้อ แถมยังมีลูทีนที่จะป้องกันผิวคุณจากการทำลายของแสงแดดอีกด้วย

3. ถั่ว

ถั่วเป็นแหล่งของเหล็ก ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยในการส่งผ่านออกซิเจนจากปอดไปยังเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย โดยในถั่ว 1 ถ้วย จะให้ธาตุเหล็กประมาณ 16 มิลลิกรัม ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่สูงเลยทีเดียว นอกจากนี้ ถั่วยังมีไฟเบอร์ช่วยให้ร่างกายขับถ่ายได้ง่ายอีกด้วย

4. อัลมอนต์ แม็คคาเดเมีย และมะม่วงหิมพานต์

เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ จากการศึกษาของนักโภชนาการ พบว่า ผู้ที่รับประทานเมล็ดพืชเหล่านี้จะมีอายุยืนกว่าผู้ที่ไม่ได้ทานถึง 2 ปีครึ่งเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังมีโอเมก้า 3 เอแอลเอ ที่จะส่งผลให้อารมณ์ดีขึ้น ที่สำคัญยังช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีด้วย

5. ส้ม

เป็นแหล่งวิตามิน C คุณภาพ ที่มีประโยชน์ต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาว และช่วยสร้างภูมิต้านทานโรค รวมทั้งยังมีไฟเบอร์สูง เป็นแหล่งของแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ ที่จะช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกทำลาย และเสริมสร้างคอลลาเจนในผิว เรียกว่าคุณประโยชน์ครบครันเลยทีเดียว

6. มันเทศ

อาหารที่หาได้ง่าย แถมยังให้ประโยชน์มากมายกับสุขภาพอีก มันเทศเป็นแหล่งเบตาแคโรทีนชั้นดีที่ช่วยในการบำรุงสายตา เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และที่หลาย ๆ คนคิดไม่ถึง คือ มันเทศมีสารต้านมะเร็งสูงอีกด้วยค่ะ

7. บร็อคโคลี่

เป็นแหล่งของวิตามินซี เอ และเค เป็นผักที่มีเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยบำรุงสายตา และมีสารไอโซธิโอไซยาเนทส์ (Isothiocyanates) ที่ช่วยต่อต้านมะเร็งปอด รวมถึงมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้ วิตามินเคยังเป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกด้วย

8. ชา

แม้ว่าชาจะเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่ไม่ได้ให้ผลดีต่อสุขภาพเท่าไหร่ แต่รู้ไหมว่า การดื่มชาในปริมาณที่พอเหมาะ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นอัลไซเมอร์ มะเร็ง และทำให้สุขภาพฟันและกระดูกแข็งแรงขึ้น เพราะในชานั้นมีสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ที่เรียกว่า ฟลาโวนอยด์ (flavonoids) ที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพ

9. คะน้า

มีสารเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งปอด รวมถึงมีวิตามินที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ สร้างภูมิต้านทานโรคที่ดี นอกจากนี้ยังมีแคลเซียมเสริมสร้างการทำงานของกระดูก

10. โยเกิร์ต

อาหารสุขภาพที่หลาย ๆ คนมักจะซื้อไว้ติดบ้าน เอาไว้ทานยามหิว และนั่นเป็นสิ่งที่ดีแล้วค่ะ เพราะในโยเกิร์ตนั้นมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี วิตามินบี 12 และโปรตีน ดังนั้น ถ้าคุณทานโยเกิร์ตให้ได้วันละ 1 ถ้วย จะทำให้สุขภาพคุณดีอย่าบอกใครเลยล่ะ

เป็นยังไงกันบ้างคะ สุดยอดสารอาหาร 10  ชนิดที่มาแนะนำกันวันนี้ เพื่อนๆบางคนอาจซื้อมาทานกันบ่อยหรือเป็นประจำอยู่แล้ว แต่คงยังไม่รู้ว่าอาหารที่ซื้อกันมาทานนั้นจะได้รวมคุณค่าทางประโยชน์มากมาย เมื่อรู้แล้วก็อย่าลืมซื้อมาทานกันนะคะ เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดีของตัวเราเองค่ะ...อย่าลืมลองซื้อมาทานนะ